3 จุดต่างที่ควรรู้ในการเลือกซื้อจอเกมมิ่งแทนจอคอมธรรมดา

ในสมัยก่อน หากจะพูดถึงจอมอนิเตอร์ที่ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ทั่วไป ประเภทของจอที่มีให้เลือกใช้งาน อาจจะไม่ได้หลากหลายขนาดนั้น แต่ในปัจจุบัน จอมอนิเตอร์ได้ถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะจอเล่นเกม หรือที่หลายคนชอบเรียกกันว่าจอเกมมิ่ง แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่า มันต่างจากจอปกติอย่างไร เดี๋ยววันนี้เราจะมาอธิบายให้ได้อ่านกันเอง

จอเกมมิ่งต่างจากจอธรรมดาอย่างไร

จอเกมมิ่ง หรือจอเล่นเกมมักจะใส่เทคโนโลยีภาพที่ดีกว่าจอธรรมดา โดยเฉพาะในเรื่องความคมชัด ความลื่นไหล และการตอบสนอง ที่ทำได้รวดเร็วกว่าจอทั่วไป ซึ่งรองรับเพียงการใช้งานพื้นฐานอย่างการทำงาน ดูหนัง และฟังเพลงเพียงเท่านั้น

3 จุดแตกต่างที่จอเกมมิ่งมีให้มากกว่าจอธรรมดา

จุดแตกต่างที่จอเกมมิ่งมีให้มากกว่าจอธรรมดา

หลายคนอาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่า เทคโนโลยีที่จอเกมมิ่งมี แต่จอธรรมดาไม่มีนั้นคืออะไร เดี๋ยวเรามาชี้ให้เห็นถึง 3 เด่นหลัก ซึ่งจะเป็นสาเหตุที่ว่า จอประเภทนี้ถึงเหมาะสำหรับคนที่อยากเล่นเกม

1. อัตราตอบสนองที่สูงกว่า

อัตราตอบสนอง หรือ Refresh Rate ในปกติทั่วไปจะอยู่ที่ 60 Hz ในขณะที่จอเกมมิ่งส่วนใหญ่ จะอยู่ที่ 144 - 360 Hz ที่จะทำการแสดงผลของภาพมีความลื่นไหล และไม่กระตุก หรือเป็นคลื่นจนปวดหัวเวลาเล่น ซึ่งจะช่วยประสบการณ์การเล่นเกมดียิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน จอ 240Hz นั้นกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านของคุณภาพ และราคาที่กำลังพอดี

2. มีเทคโนโลยี Adaptive Sync

อีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญ ก็คือ Adaptive Sync ที่เป็นการซิงก์กันระหว่างอัตรารีเฟรชเรทของจอภาพ ให้ตรงกับเฟรมเรทของการ์ดจอ ซึ่งช่วยให้ภาพไม่เกิดการกระตุก หรือเกิดการฉีกขาดในระหว่างเล่น และมีความสำคัญอย่างมากกับเกมแนว Shooting ที่ต้องใช้ความเร็วในการเปลี่ยนมุมยิง

3. รายละเอียดความคมชัดเหนือกว่า

นอกจากนั้น ยังมีเทคโนโลยีจอภาพที่จัดเต็มกว่า โดยเฉพาะรายละเอียดความคมชัดของจอภาพ รวมไปถึงฟังก์ชันที่ปรับเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะได้ ซึ่งจะทำให้ความสวยงามของภาพในระหว่างเล่น จะมีความคมชัด และสีดูอิ่มมากกว่าจอทั่วไป

อยากได้จอเกมมิ่งเพื่อเล่มเกม ควรเลือกอย่างไร

อยากได้จอเกมมิ่งเพื่อเล่มเกม

เมื่อรู้กันไปแล้วว่าจอเล่นเกมดีกว่าอย่างไร ใครที่กำลังอยากจะเปลี่ยนมาใช้จอประเภทนี้ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกเองอย่างไร ต้องดูที่อะไรบ้าง เรามีวิธีเลือกดูเบื้องต้นมาฝากทุกคนกัน

ขนาดของหน้าจอ

อันดับแรกเลย ต้องเลือกจากขนาดของหน้าจอ เพราะจอเกมมิ่งก็มีหลากขนาดให้เลือกใช้งาน ตั้งแต่ขนาด 24 - 34 นิ้ว ที่เป็นขนาดมาตรฐาน แต่ส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยม จะเป็นจอ 240 Hz ขนาด 24 - 27 นิ้ว เพราะเป็นขนาดที่กำลังพอดีกับระยะนั่ง และตอบโจทย์เกมดังแนว FPS หรือ MOBA ที่กำลังได้รับความนิยมมากกว่า

พาเนลจอที่ใช้

นอกจากนี้ จะต้องดูด้วยว่าประเภทพาแนลจอเป็นแบบไหน โดยหลักแล้วจะมีอยู่ 3 แบบ ก็คือ IPS, VA, TN ซึ่งจะแตกต่างกัน ดังนี้

• จอ IPS: เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับภาพและสี ต้องการมุมมองภาพกว้าง และชื่นชอบความคมชัด
• จอ VA: เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ชื่นชอบสีดำสนิท ต้องการมุมมองภาพกว้าง และมีงบจำกัด
• จอ TN: เหมาะสำหรับนักเล่นเกม ต้องการอัตราการตอบสนองที่เร็ว รีเฟรชเรทที่สูง และมีงบจำกัด
• OLED: เหมาะสำหรับการแสดงหรือฉายภาพที่ใช้ความละเอียดสูง ต้องการความคมชัดและสามารถมองเห็นได้แม้อยู่ในมุมที่เอียงซึ่งแต่ต่างจาก IPS ที่ไม่สามารถมองมุมเอียงได้

ค่ารีเฟรชเรท

อัตรารีเฟชเรท ก็เป็นอีกหนึ่งค่าสำคัญในการเล่นเกม อย่างที่เราได้อธิบายไป ยิ่งค่า Refresh Rate สูง ก็จะยิ่งทำให้ภาพในการใช้งานนั้นดูลื่นไหล ไม่ขัดตาเวลาเล่นเกม แต่ควรพิจารณางบประมาณที่มีประกอบกันไปด้วย แต่หากจะให้แนะนำ จอ 240 Hz ก็มีความเพียงพอในการเล่นเกมในปัจจุบันแล้ว

ระยะเวลาการตอบสนอง

ระยะเวลากราตอบสนอง หรือ Response Time จะเป็นอัตราการเปลี่ยนสีของเม็ดพิกเซล ซึ่งหากเป็นการเล่นเกมทั่วไป อาจจะไม่ได้เห็นความแตกต่างกันมากนัก แต่สำหรับเกมที่ต้องใช้การตอบสนองที่เร็ว อย่างเกมแนว FPS ค่านี้จะมีความสำคัญอย่างมากในจังหวะยิง การสะบัดเมาส์เปลี่ยนมุมกล้อง ที่จะช่วยให้การเล่นนั้นแม่นยำ และไม่มีอาการเบลอของจอภาพนั่นเอง

สรุปบทความ

และนี่ก็คือความต่างระหว่างจอคอมเล่นเกม หรือจอพิมพิวเตอร์เกมมิ่ง ที่มีเทคโนโลยีที่เหนือกว่าจอธรรมดาทั่วไป และตอบโจทย์คนที่ต้องการเล่นเกมได้อย่างเต็มอรรถรสมากกว่า ซึ่งในปัจจุบัน ราคาจอมอนิเตอร์ก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด และมีให้เลือกใช้งานได้ค่อนข้างจะหลากหลาย โดยเฉพาะจอ 240 Hz จากทาง ViewSonic ที่มีความคงทนในการใช้งาน และมีสีสันความละเอียดที่เที่ยงตรงเป็นอย่างมาก หากใครกำลังมองหาจอเล่นเกมคุณภาพดี และมีเทคโนโลยีแบบจัดเต็ม มาเลือกดูกับทาง ViewSonic ก่อนได้เลย รับรองไม่มีผิดหวัง