27/02/2024
27/02/2024
โปรเจคเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่มีส่วนสำคัญสำหรับการใช้งานในรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการประชุม การนำเสนอ การแถลงข่าว รวมถึงการรับชมภาพยนตร์ เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนั้นสามารถมองเห็นและรับชมภาพที่ต้องการนำเสนอไปพร้อมกันได้อย่างทั่วถึง หากคุณกำลังให้ความสนใจเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ควรเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งานและตอบโจทย์ได้มากที่สุด วันนี้ ViewSonic มีคำตอบมาให้แล้ว
สำหรับโปรเจคเตอร์ (Projector) เป็นอุปกรณ์ในส่วน Output ที่มีหน้าที่ในการรับข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่น Blu-Ray เพื่อสร้างภาพขึ้นมาฉายไปยังหน้าจอ กำแพง หรือพื้นผิวอื่น ๆ ที่ผู้ใช้งานต้องการ โดยพื้นผิวที่ฉายจะต้องมีผิวเรียบเนียนและมีโทนสีที่อ่อน เพื่อให้ภาพที่ถูกฉายออกมามีความคมชัด สดใส และไม่ทำให้สีของพื้นผิวทำให้ภาพเกิดความผิดเพี้ยน โดยในปัจจุบันโปรเจคเตอร์มีหลายรูปแบบ ทั้งการใช้งานนำเสนอภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับจอโปรเจคเตอร์กันไปแล้วว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญในการรับข้อมูลจากคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่น Blu-Ray เพื่อประมวลผลและส่งภาพขึ้นฉายไปยังจอ กำแพง หรือพื้นผิวต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งานต้องการ ต่อมาไปดูกันว่าเทคนิคการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์กันบ้างกับ 6 วิธีเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ให้ตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด
สิ่งสำคัญอันดับแรกในการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ให้ตอบโจทย์การใช้งาน คือการที่ต้องรู้วัตถุประสงค์ในการใช้งานของตัวเอง เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วโปรเจคเตอร์ถูกนำมาใช้งานได้หลายรูปแบบ ทั้งการดูหนัง นำเสนองาน และพกพา ซึ่งโปรเจคเตอร์ในแต่ละแบบก็มีการใช้งานที่แตกต่างกัน หากคุณต้องการโปรเจคเตอร์เพื่อดูหนังก็ต้องคำนึงถึงเรื่องคุณภาพของภาพ ความ Contrast และสีสันของภาพที่แสดงออกมา รวมทั้งความละเอียดของภาพเพื่อช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์ ส่วนใครที่ต้องการนำโปรเจคเตอร์ใช้ในการนำเสนองานต้องเน้นไปที่เรื่องของค่าความสว่างเพื่อการนำเสนองานในห้องประชุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับโปรเจคเตอร์แบบพกพาที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องออกไปประชุมนอกสถานที่ พักผ่อนกับครอบครัว หรือตั้งแคมป์ดูหนังตอนกลางคืน ก็ตอบโจทย์การทำงานได้อย่างเต็มที่
Color Gamut ขอบเขตการแสดงสีของโปรเจคเตอร์หากยิ่งมีความกว้างเท่าไรก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี โดยในปัจจุบันมีรูปแบบการฉายภาพที่แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ด้วยกัน ได้แก่
ความละเอียดของภาพเป็นส่วนสำคัญของโปรเจคเตอร์ โดยปัจจุบันมีค่าความละเอียดเริ่มต้นตั้งแต่ Full HD, 4K ตลอดไปจนถึง 8K หากคุณต้องการโปรเจคเตอร์ที่ให้ภาพความคมชัดละเอียดทุกมุมมองก็ควรที่จะเลือกโปรเจคเตอร์ที่รองรับการฉายที่ความละเอียด 4K (3,840 x 2,160 พิกเซล) หรือต้องการความคมชัดแบบชุดใหญ่ต้อง 8K (7,620 x 4,320 พิกเซล)
อัตราส่วนการฉาย (Throw Ratio) คือระยะห่างที่ต้องใช้ในการฉายระหว่างฉากรับกับโปรเจคเตอร์ โดยค่าอัตราส่วนการฉายในโปรเจคเตอร์แต่ละรุ่นก็จะมีความแตกต่างกัน หากต้องการรู้ว่าอัตราส่วนการฉายที่เหมาะสมอยู่ที่เท่าไร สามารถคำนวณได้ด้วยสูตร Throw Ratio = ระยะห่าง / ความกว้าง
ความสว่างของโปรเจคเตอร์จะวัดด้วยค่าลูเมน (Lumen) ยิ่งมีค่าลูเมนที่สูงจะยิ่งทำให้ภาพที่ปรากฏบนฉากมีความสว่าง สดใส และมีชีวิตชีวา ไม่ควรเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ที่สามารถทำความสว่างได้ต่ำกว่า 3,400 ลูเมน และหากอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงรบกวนเยอะ ควรเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ที่มีค่าความสว่างมากเพียงพอที่จะฉายสู้กับแสงเหล่านั้นได้
หากผู้ใช้งานไม่ได้วางโปรเจคเตอร์ในระนาบที่ตรง ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะทำให้ภาพที่ปรากฏออกมาบนจอมีความตรงไม่บิดเบี้ยว ในส่วนนี้เองสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยการปรับคีย์สโตน โดยมี 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ โปรเจคเตอร์ปรับให้เองโดยอัตโนมัติ และผู้ใช้งานต้องเป็นคนปรับเอง ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายตำแหน่งของโปรเจคเตอร์อยู่บ่อยครั้ง การเลือกใช้โปรเจคเตอร์รุ่นที่สามารถปรับคีย์สโตนได้อัตโนมัติเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์
โปรเจคเตอร์มีรูปแบบการทำงานคล้ายกับทีวีและจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีหน้าที่ในการแสดงผลเนื้อหาจากอุปกรณ์อื่นเป็นหลัก โดยทั่วไปแล้วจะมีพอร์ตการเชื่อมต่อผ่านสาย HDMI, VGA และ DVI แต่ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้ถูกพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดก็ได้มีการคิดค้นโปรเจคเตอร์ที่รองรับการเชื่อมต่อผ่าน AirPlay, Google Cast หรือ Miracast เพื่อช่วยให้การเริ่มต้นใช้งานทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น
เริ่มต้นกันที่โปรเจคเตอร์รุ่นแรกกับ ViewSonic LS740HD นิยามใหม่แห่งการนำเสนองานกับเลเซอร์โปรเจคเตอร์ Full HD ที่มาพร้อมความสว่าง 5,000 ANSI Lumens สามารถซูม Optical 1.3 เท่า พร้อมมี H/V ที่สามารถปรับคีย์สโตนได้ 4 มุม มีระยะเวลาการใช้งานได้ยาวนานถึง 30,000 ชั่วโมง พร้อมทำให้ทุกผลงานของคุณสามารถนำเสนอได้อย่างมีคุณภาพ
ขอเอาใจเหล่าเกมเมอร์กันบ้างกับโปรเจคเตอร์รุ่น ViewSonic PX749-4K โปรเจคเตอร์ความละเอียด 4K HDR ความสว่าง 4000 ANSI Lumens แสดงผลได้ไวสูงสุด 240Hz ลำโพง tune by Harman พอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C ที่รองรับการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด เลนส์ซูม 1.3 เท่า ที่ง่ายต่อการติดตั้ง พร้อมเติมเต็มความฝันในวัยเด็กให้คุณสามารถเล่นเกมบนจอขนาดใหญ่ได้อย่างเต็มอรรถรส
ต่อมาขอเอาใจสายเดินทางและต้องการเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างกับ ViewSonic M1 Pro โปรเจคเตอร์ขนาดพกพาที่พร้อมเปลี่ยนค่ำคืนธรรมดาให้กลายเป็นค่ำคืนที่แสนโรแมนติก ด้วยขนาดที่กะทัดรัดจึงทำให้สามารถพกพาไปในทุกที่ได้อย่างสะดวกสบาย ดีไซน์การออกแบบที่สวยงามและให้กลิ่นอายความพรีเมียม พร้อมด้วยระบบเสียงคุณภาพจาก Harman/Kardon เพื่อเพิ่มการรับชมภาพยนตร์เรื่องโปรดได้อย่างเต็มอรรถรส
สร้างบรรยากาศอันโรแมนติกให้กับคนที่คุณรักด้วย ViewSonic X11-4KP โปรเจคเตอร์ LED ที่มีความคมชัดในระดับ 4K HDR ความสว่าง 2400 LED Lumens ระบบภาพ Cinema SuperColor+™ หลอดภาพ LED แสดงสีได้ถึง 125% Rec.709 คุณภาพของลำโพงเป็นระดับเดียวกันกับโรงภาพยนตร์ สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth รวมถึงพอร์ตเชื่อมต่อ HDMI และ USB-C ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 30,000 ชั่วโมง เลยทีเดียว
ปิดท้ายกันที่ ViewSonic M1+_G2 โปรเจคเตอร์ที่พร้อมเปลี่ยนสวนหลังบ้านของคุณให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์ได้ในพริบตา ด้วยโปรเจคเตอร์ LED ขนาดพกพาที่สามารถขยายจอกว้างได้ถึง 100” แบตเตอรี่ภายในตัวที่สามารถชาร์จร่วมกับพาวเวอร์แบงก์ได้ เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C หรือเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Wi-Fi และ Bluetooth เสริมความสมจริงด้วยลำโพง Harman/Kardon ที่ให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับภาพยนตร์เรื่องโปรดได้ทุกที่ทุกเวลา
สำหรับ ViewSonic เป็นแบรนด์ผู้นำด้านสินค้าแสดงผลและจอภาพประกอบจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีโปรเจคเตอร์สำหรับการใช้งานที่หลากหลายและตอบโจทย์ต่อความต้องการได้อย่างครอบคลุม พร้อมให้คุณสามารถเลือกซื้อโปรเจคเตอร์คุณภาพสูงที่ดีที่สุดได้ที่ ViewSonic
อีกหนึ่งข้อสำคัญของการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ที่ ViewSonic คือเรื่องของการรับประกันและบริการหลังการขาย โดยทาง ViewSonic เป็นผู้นำด้านสินค้าแสดงผลและจอภาพประกอบจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน จึงทำให้ลูกค้าทุกคนไว้วางใจได้เลยว่าทางเรามีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำการให้บริการสินค้าตลอดเวลา พร้อมบริการหลังการขายที่รับรองว่าต้องประทับใจ
สำหรับการติดตั้งโปรเจคตเตอร์ที่ถูกต้อง ควรเริ่มต้นจากการเลือกตำแหน่งการวางให้เหมาะสม โดยพิจารณาจากขนาดหน้าจอรับภาพ ระยะห่างระหว่างโปรเจคเตอร์กับหน้าจอ ตำแหน่งของปลั๊กเสียบไฟ รวมทั้งตำแหน่งของผู้บรรยายในกรณีที่ต้องนำเสนองาน ส่วนวิธีที่ง่ายที่สุดคือการวางโปรเจคเตอร์ไว้ที่โต๊ะในตำแหน่งด้านหน้ากลางจอ และที่สำคัญพื้นที่ที่วางโปรคเจคเตอร์ต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวก เพราะถ้าหากวางโปรเจคเตอร์ในพื้นที่ปิดจะทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้และอาจส่งผลเสียต่อโปรเจคเตอร์ในระยะยาว